ฉบับที่ 2 – 16 พฤศจิกายน 2559
มีช่วงหนึ่งที่ผมอ่านเรื่องฮารุฮิและติดใจกับตัวละครคนหนึ่งเอาซะมาก ๆ จนเริ่มค้นหาเรื่องต่าง ๆ ที่นักวาดคนนั้นมีส่วนร่วม และพยายามเอามันมาครอบครองไว้ ได้เรื่อง “ข้ามเวลามาหารัก” และ “Another” (ปกอนิเม) ที่ถึงแม้ว่านักวาดคนนี้จะไม่ได้วาดภาพประกอบด้านใน แต่อย่างน้อยก็ได้มีส่วนร่วมหนึ่งคือภาพปกที่ค่อนข้างจะดึงตาผมไปได้อยู่พอควร
Light Novel อีกเรื่องหนึ่งนอกไปจาก (และก่อนหน้าเรื่อง) ฮารุฮิที่นักวาดคนนี้ได้วาดภาพประกอบในเล่มก็คือเรื่องนี้นั่นแหละครับ ถึงแม้ว่ามันจะหาค่อนข้างยาก แต่ก็ยังโชคดีที่หาเจอ (แบบลดราคาลงไปอีก) เลยได้เหมามายกเซ็ตอย่างที่เห็นครับ.
ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องของ “ซาคาอิ ยูจิ” เด็กหนุ่มทั่ว ๆ ไปที่มีชีวิตเข้าไปพัวพันกับโลกและการต่อสู้ของเหล่าเฟลมเฮซและโทโมงาระ เมื่อวันหนึ่งขณะที่ยูจิกำลังกลับบ้าน เขาก็ได้พบกับปรากฏการณ์ประหลาด—“เขตแดน” ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับการโจมตีจากสัตว์ประหลาดที่เข้ามาดูดกลืนพลังชีวิตจากมนุษย์ เด็กผู้หญิงฉายา “มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคี” ที่ใช้ดาบยาว “นิเอโทโนะ โนะ ชานะ” เข้าฟาดฟันและกำจัดสัตว์ประหลาดเหล่านั้น…
—และความจริงที่ว่า “เขาได้ตายไปนานแล้ว”…
ในจักรวาลที่เรื่องนี้ดำเนินอยู่นั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งคือ “โลกแห่งความจริง” และ “พิภพแดง” ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ “โทโมงาระ” ที่บุกรุกเข้ามาดึงดูดพลังชีวิตจากมนุษย์เพื่อใช้พลังดังกล่าวในการแสดงอำนาจต่าง ๆ ในโลกแห่งความจริงนี้ แต่ก็มีโทโมงาระอีกส่วนหนึ่งที่มีพลังที่จนเป็น “ราชาแห่งพิภพแดง” ที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติการณ์นั้น จึงร่วมมือกับมนุษย์ผ่านทางการผูกพันธะสัญญา ใช้ร่างของพวกเขาเป็นภาชนะรองรับตัวตนของราชา เกิดเป็น “เฟลมเฮซ” ออกตามล่าเหล่าโทโมงาระเหล่านั้น
มนุษย์ที่สูญเสียพลังชีวิตไปจนหมดนั้นก็จะสูญสิ้นตัวตน (ตาย) ไป เหล่าโทโมงาระจึงมีการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “ทอร์ช” (ตัวตนมนุษย์ที่ค่อย ๆ ดับสลาย) ขึ้นมาเป็นกันชนไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดเหตุวิบัติ ซึ่งยูจิที่สูญสิ้นตัวตนไปแล้วก็คือ “ทอร์ช” ตนหนึ่งนั่นเอง เพียงแต่ว่าเขาไม่ใช่ทอร์ชธรรมดา แต่เป็น “มิสเทส”—ทอร์ชพิเศษผู้ถือสมบัติ “เด็กหลงยามเที่ยงคืน” ซึ่งจะฟื้นพลังชีพของตัวเองเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนของทุกวัน
และด้วยสมบัติพิเศษของยูจินั้นจึงทำให้ “มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคี” ตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อปกป้องยูจิ และสมบัติสำคัญนั้นจากอันตราย และโทโมงาระต่าง ๆ ที่อาจบุกเข้ามายังเมืองมิซากิที่พวกเขาอยู่
…
สาเหตุนั้นมาจากจิงุสะ เมื่อไม่นานมานี้เธอสัญญากับชานะว่าจะทำเมลอนปังให้กิน แต่ดูเหมือนรสชาติยังไม่เป็นที่น่าพอใจของจิงุสะ ชานะเลยยังไม่ได้กินเสียที ยูจิเห็นใจเฟลมเฮซผู้น่าสงสารจึงเอ่ยปากขอเลี้ยงแทน
สำหรับชานะที่เคยกินแต่เมลอนปังแพ็กถุงพลาสติกตามร้านสะดวกซื้อซึ่งผลิตคราวละมาก ๆ แล้ว ถือว่ารสชาตินั้นคือการปฏิวัติด้านอาหารครั้งยิ่งใหญ่
เธอมีความสุขกับการกินเมลอนปังเป็นอาหารสามมื้อ ของรองท้อง ของกินเล่น ของว่าง มื้อดึก จิ๊กกิน ซื้อกิน และชิมฟรีในมุมลองชิมของซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่เว้นแต่ละวัน ยูจิจึงตกในที่เธอไม่รู้เรื่องแค่นี้ พอถามชานะก็ตอบว่าไม่เคยเข้าร้านขนมปังเลย เพราะ…
“ไม่มีขนมอย่างอื่นขายเลยนี่นา”
…
—ชานะ นักรบเนตรอัคคี 3
ดูเหมือนว่าผู้เขียนจะถือเอาคติ “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” มาใช้ในการเขียนนิยายเรื่องนี้ ช่วงแรก ๆ ของเรื่องจึงเต็มไปด้วยการตั้งรับสู้กับเหล่าผู้รุกรานคนต่าง ๆ ที่บุกเข้ามา หากไม่นับตัวละครบางคนหรือของบางสิ่งแล้ว หลาย ๆ อย่างในเรื่องนั้นดูไม่สานต่อกันเท่าไหร่จนดูไร้ความหมายในบางครั้ง บทบรรยายมักจะเล่าความหลังในตอนก่อนหน้ากันคนอ่านลืมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วจึงพาชมนกชมไม้กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เกริ่นเรื่องอ้อมนิด ๆ ก่อนจะพาเข้าความ แต่อย่างน้อย ไคลแมกซ์ที่ให้มาในแต่ละตอนก็ถือว่าแรงอยู่ไม่เบา มีลูกเล่นให้ได้ลุ้นตามตลอด ยังไม่นับไคลแมกซ์ใหญ่กลางเรื่องที่พลิกเอาจนอยากรู้ต่อว่าเรื่องจะมาไม้ไหน เป็นอย่างไรต่อไป อีกทั้งยังเอาส่วนต่าง ๆ ที่ได้วางไว้ตั้งแต่ต้นมาร่วมเล่น ถักทอบทบาทของเรื่องนี้จนจบสมบูรณ์
นอกจากศึกทางกายอันใหญ่หลวงของเรื่องนี้แล้ว ศึกทางใจที่เรื่องนี้นำมาเสนอนั้นก็เป็นอะไรที่แรงไม่แพ้กัน ด้วยความที่เรื่องนี้อยากจะโรแมนซ์จึงไม่แปลกใจเลยที่ชายหนุ่ม-หญิงสาวมาอยู่ใกล้กันแล้วจะมีการสปาร์กกันขึ้น เปลวเพลิงใดในเรื่องนี้ก็มิอาจทานเพลิงใจไฟรักที่ค่อย ๆ คุขึ้นมาทีละน้อย ชื่อ “ชานะ” ที่ซาคาอิ ยูจิได้มอบให้มือสังหารเกศาเพลิงเนตรอัคคีนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่การตัดสินใจและการกระทำหลาย ๆ อย่างของตัวละครในเรื่องก็เป็นหลักฐานที่บ่งบอกเรื่องนี้ได้ดี
แต่ยังไง ๆ ความรักที่ผูกขาดคงจะไม่สนุกสนานเท่าไหร่นัก ผู้เขียนจึงเพิ่มเพื่อนร่วมชั้น “โยชิดะ คาซึมิ” เข้ามาเป็นศัตรูหัวใจ คอยถ่วงอำนาจรักไปจากชานะให้ยูจิได้หนักใจเล่น ๆ ว่าจะเลือกรักฝ่ายไหนระหว่างคนอ่อนโยน โนตม ผู้ทุ่มเท หรือจะเป็นยัยเตี้ย ซึน แรง ที่อยู่ข้างกายและเป็นผู้ครองตำแหน่งนางหน้าปก แต่ยังไง ๆ ก็น่าเสียดายจุดนี้ไปนิด ที่ถูกเดาออกได้ไม่ยากนักตั้งแต่กลางเรื่องว่าใครจะลงเอยกับใคร
“ลุ้นรบ ลุ้นรัก”—“ชานะ นักรบเนตรอัคคี” เป็นเรื่องที่พอติดตามกันได้เพลิน ๆ อย่างไม่มีปัญหาอะไรให้บ่นมากนัก แต่เสียหายที่เรื่องนี้กลับเป็นประเภทที่ “มาช้า” และสำหรับฉบับนิยายก็เป็นประเภทที่ “ไม่มา” ด้วยโลกที่ยังคงหมุนไป…และทิ้งให้เรื่องนี้อยู่ด้านหลัง การตามหาและติดตามเรื่องนี้อย่างถูกต้องนั้นก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าความนิยมของเรื่องนี้ก็ย่อมต้องตกไปตามกาลเวลา ดังเหมือนทอร์ชตนหนึ่งที่กำลังจะมอดดับลง มันจะกลายเป็น “เด็กหลงยามเที่ยงคืน” หรือไม่? มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะทำได้.
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย: ชานะ นักรบเนตรอัคคี
ชื่อภาษาญี่ปุ่น: 灼眼のシャナ
แนวหนังสือ : Action, Fantasy, Romance
นิยายโดย Takahashi Yashichiro
ภาพประกอบโดย Itou Noizi
แปลไทยโดย กมลวรรณ สงวนสิริกุล และ ชนินันท์ กิตติปฏิมาคุณ (เฉพาะเล่ม 3, 5 และ 10)
ตีพิมพ์ในภาษาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี 2545 (2002) โดยสำนักพิมพ์ Media Works
ตีพิมพ์ในภาษาไทยเป็นครั้งแรกในปี 2550 (2007) โดยสำนักพิมพ์ JBook (Bliss Publishing)
22 + 4 เล่มจบ—ตีพิมพ์ทั้งหมด 14 + 2 เล่ม
ราคาปกเล่ม 110 – 160 (2,045) บาท
ขนาดหน้าตัดหนังสือ: A6 (105 x 148mm)
จำนวนบรรทัดสูงสุดในหนังสือ: 19-21
ฉบับมังกะ (1)(ชานะ นักรบเนตรอัคคี)
ภาพโดย Sasakura Ayato
แปลไทยโดย ชนินันท์ กิตติปฏิมาคุณ
ตีพิมพ์ในภาษาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี 2548 (2005) โดยสำนักพิมพ์ Media works
ตีพิมพ์ในภาษาไทยเป็นครั้งแรกในปี 2555 (2012) โดยสำนักพิมพ์ Siam Inter Comic
10 เล่มจบ – ออกครบทุกเล่มแล้ว
ราคา: 60×10 บาท (600)
ขนาดหน้าตัดหนังสือ: JIS-B6 (128 x 182 mm)
ฉบับมังกะ (2) (ชานะ นักรบเนตรอัคคี ETERNAL SONG -บทเพลงอันเป็นนิรันดร์-)
『灼眼のシャナX Eternal song -遥かなる歌-』
ภาพโดย Shii Kiya
แปลไทยโดย Red Panda
ตีพิมพ์ในภาษาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี 2552 (2009) โดยสำนักพิมพ์ Media works
ตีพิมพ์ในภาษาไทยเป็นครั้งแรกในปี 2555 (2012) โดยสำนักพิมพ์ Siam Inter Comic
5 เล่มจบ – ออกครบทุกเล่มแล้ว
ราคา: 60 x5 บาท (300)
ขนาดหน้าตัดหนังสือ: JIS-B6 (128 x 182 mm)
แอนิเมชั่นโดย J.C. Staff
ถือลิขสิทธิ์แอนิเมชั่นโดย:
อามีโก (Season 1)
Rose (Season 2-3)